ขอขอบคุณ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ ส่งผมเข้าโครงการ Sabbatical leave

mypic08

เมื่อ 22 ปีก่อน ระหว่าง 1 เมษายน – 17 พฤษภาคม 2540 ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ ได้สนับสนุนบุคลากรของมหาวิทยาลัย จำนวน 3 คน ไปแลกเปลี่ยนในโครงการ Sabbatical leave ที่มหาวิทยาลัย Baylor สหรัฐอเมริกา เป็นเวลาเดือนครึ่ง ได้แก่ อาจารย์บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ อาจารย์ยุวดี ไวทยะโชติ และ อาจารย์โชติ โรจนวิภาค

เมื่อไปถึงที่ Baylor University พวกเราเดินทางไปเรียนมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จากอพาร์ทเม้นท์ไปศูนย์อาหาร แล้วไปยังห้องเรียนแต่ละแห่ง ระหว่างทางพบสิ่งต่าง ๆ แปลกหูแปลกตา เช่น ชมรมเรือแคนนู ที่เห็นฝึกกันบ่อย ๆ หรือ ชมรมเบสบอล ที่ขว้างบอลข้ามสนามกันทุกเช้า หรือ การแสดงละครสัตว์ใกล้ที่พัก (Circus) หรือ กิจกรรมรอบมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นสม่ำเสมอ เราเดินทางไปถึงช่วงปลายหนาว เช้ามาก็เดินฝ่าความหนาวไปเรียนหนังสือกัน ยังต้องสวมเสื้อกันหนาวตลอดช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่น

จำได้ว่าที่ Baylor University มี Prof. Kathryn (Kay) Mueller พาทีมของเราไปในที่ต่าง ๆ หลายครั้ง ผมรู้จักท่าน ตั้งแต่ก่อนไปที่ BU. เพราะท่านมาเมืองไทยบ่อย ท่านคุยสนุก ร่าเริง พานักศึกษามาแลกเปลี่ยนที่วิทยาลัยโยนก เป็นแขกของ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ หลายปีติดต่อกัน จำได้ว่า Kay พาทีมเราไปกินขนมเค้กที่เขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำ คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้กิน Pecan cake เป็นที่ท่องเที่ยวที่ท่านทำให้เราประหลาดใจ เดินทางไกล ข้ามทุกดอกสีม่วงกว้างสุดลูกหูลูกตา แวะถ่ายภาพกันด้วย

ตอนไปที่ BU. เราไปพบหน่วยงานต่าง ๆ ตามโครงการแลกเปลี่ยน อ.โชติ และ อ.ยุวดี ไปเรียนในวิชาที่ตนสนใจ ส่วนผมจำได้ว่าเรียนระบบปฏิบัติการ และอีกวิชาทางเทคโนโลยี ผมจำได้ว่าเคยเขียนบันทึกการเดินทางไว้ในสมุดหลายหน้า แต่ ณ ตอนนี้ไม่ได้มีสมุดเล่มนั้นใกล้ ๆ มือ ทุกอย่างที่เล่ามา หรือเล่าต่อจากนี้ มาจากความทรงจำสีจาง ๆ

ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ เดินทางไปเยี่ยมพวกเราที่นั่นหลายวัน พาไปพบศูนย์นักศึกษาต่างชาติ พาไปร้าน supermarket พาไปสำนักหอสมุด พาไปร่วมงานดนตรีคอนเสิร์ต ออร์เคสตรา จำได้ว่าอากาศเย็นมาก คงเพราะอากาศเย็น ทำให้ผมผลอยหลับไป ตั้งแต่โน๊ตแรก ๆ เริ่มดังขึ้นเลยทีเดียว เย็นมาก

หนึ่งในเรื่องที่จำได้ คือ การทานอาหาร Kay พาผมไปร้านอาหารไทยหลายร้าน ที่นั่นนิยมทานบุฟเฟ่ต์ เป็นอาหารไทยสไตล์ฝรั่ง ยุคนั้น เมืองไทยยังไม่มีบุฟเฟต์อย่างในปัจจุบัน อยู่เดือนครึ่ง ผมอ้วนเลย เพราะผมได้รับสวัสดิการ มีบัตรเข้าศูนย์อาหาร ที่จะทานอะไรก็ได้ 3 มื้อต่อวัน แล้วผมก็ไม่มีปัญหากับอาหารต่างชาติ ทานได้หมด

การศึกษาที่นั่น ส่งเสริมการอ่าน เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ห้องสมุดที่นั่น เปิดกัน 24 ชั่วโมง แต่ผมไม่เคยอยู่ถึงโต้รุ่งนะครับ อย่างมากก็แค่ 5 ทุ่ม ที่เมืองไทยเดี๋ยวนี้ มีหลายมหาวิทยาลัย เปิดห้องสมุด 24 ชั่วโมงแล้ว

การสื่อสารสมัยนั้น การใช้ hotmail.com ยังไม่เป็นที่นิยม ที่นิยมยังเป็น email ที่บริการผ่าน pop3 หรือ imap ขององค์กร ผมยังใช้ software ของ Baylor University ในการเปิดอีเมล เค้ามีคอมพิวเตอร์ให้ตรวจอีเมล วางตามจุดต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ไม่มีใครมีโน๊ตบุ๊ค หรือสมาร์ทโฟน ส่วนเว็บไซต์ก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น เข้าอินเทอร์เน็ตก็จะใช้ Linux หรือ Unix สั่งผ่าน Command Line โปรแกรมอ่านอีเมลที่ผมใช้ประจำก็คงเป็น Pine ที่สมัยนี้คงไม่มีใครใช้แล้ว

จำได้ว่า ในมหาวิทยาลัยมีไปรษณีย์ ผมส่งของจากที่นั่นกลับเมืองไทยชิ้นหนึ่ง ค่าส่งแพงมาก จึงส่งเพียงครั้งเดียว โทรศัพท์ทางไกล ผมซื้อบัตร แต่ก็ใช้เพียงไม่กี่ครั้ง เพราะสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เมืองไทย ค่าโทรแพงมาก โทยไม่กี่นาทีเสียไปหลายร้อยบาทแล้ว ค่าอาหารแพงระดับหนึ่ง แต่ผมไม่ค่อยได้จ่าย เพราะทานในศูนย์ตลอด ยกเว้นว่า Kay จะพาไปนอกรั้วมหาวิทยาลัย จำได้ว่าแฮมเบอเกอร์ชิ้นละ 1 – 3 ดอลล่าร์ ซึ่งถือว่าไม่แพง ต่างกับบุฟเฟ่ต์ ที่ต่อหัวประมาณ 10 ดอลล่าร์

นี่คือเรื่องราวที่มาจากความทรงจำเมื่อ 22 ปีที่แล้ว

Leave a Reply