ญาญ่าญิ๋ง จากละคร ต้มยําลําซิ่ง ที่ลำปาง

ญาญ่าญิ๋ง ในงาน ดาวรุ่งลูกทุ่ง เนชั่น U ท่ามกลางสายฝน
ณ ข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา เมื่อวันที่ 4 เมษายน ปี 55
ร้องเพลงให้ชาวลำปางฟัง 5 เพลง ในชุดสีเงิน
เสียดายแบตของผมหมดซะก่อน บันทึกไว้ไม่ทันจบเพลง
แต่เห็นบรรยากาศตั้งแต่เดินลงจากรถตู้ไปขึ้นเวที
เป็นธรรมชาติดีครับ .. สมบทใน ต้มยําลําซิ่ง
http://drama.kapook.com/view35418.html

ญาญ่าญิ๋ง

ญาญ่าญิ๋ง

งานรำลึกวันประวัติศาสตร์ รถไฟ-รถม้า ลำปาง

รถม้า รถไฟ ลำปาง

รถม้า รถไฟ ลำปาง

จังหวัดลำปาง ร่วมกับ สมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง
และการรถไฟแห่งประเทศไทย

จัดงานรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า นครลำปาง ครั้งที่13
ระหว่างวันที่ 1 – 5 เมษายน 2555
ณ บริเวณหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง จังหวัดลำปาง

โดยการจัดงานรำลึกในครั้งนี้มีการแสดง และกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ชมและร่วมสนุกมากมาย และหลากหลาย เช่น ในวันเปิดงาน (1 เม.ย. 55) เช้าตรู่มีการทำบุญถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุ สามเณร จำนวน 55 รูป และช่วงค่ำเชิญนั่งขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษตู้โบกี้ไม้โบราณ ร่วมรับประทานอาหารข้าวแลงขันโตก ชมการแสดงแสงสีเสียง ดนตรีโฟล์กซอง การแสดงชุดคาวบอยรถม้า คาวบอยอินเดียน และไบค์เกอร์ การประกวดหนูน้อยคาวบอย
ทุกวันชมนิทรรศการประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้า ชมรถไฟเล็ก ชมสะพานประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกครั้งที่2 ชมการแสดงดนตรีและบันเทิง การแสดงดนตรีพื้นบ้าน สะล้อ ซอ ซึง การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน จากกลุ่มประชาชน นักเรียน เยาวชน ที่จะหมุนเวียนกันมาแสดงให้ชมไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน อาทิ กลุ่มข่วงพญาสำเภา กลุ่มสะป๊ะครัวเมือง กลุ่มจุมสะหรี่ เป็นต้น ในงานเดินชมและจับจ่ายสินค้ากาดหมั้ว ครัวเมือง และการจำหน่ายสินค้า OTOP ในราคาพิเศษ วันสุดท้ายของงานชมการแสดงจากศิลปินเหมยน้ำปู ชุดตำรวจเหมย
การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อรำลึกถึงความสำคัญขิงกิจการรถไฟ รถม้า ที่ได้เข้ามาสู่จังหวัดลำปาง เป็นครั้งแรกในอดีตเมื่อ 1 เมษายน 2459 ซึ่งได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม แก่ชาวนครลำปางมาจนถึงปัจจุบัน เพื่ออนุรักษ์และเสริมสร้างอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวลำปาง ที่ถือว่ามีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์ในตัวเองให้ดำรงคงอยู่และเผยแพร่สู่สาธารณ ชน นอกจากนั้นยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปางอีกด้วย
สำหรับการจัดงานรำลึกวันประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า นครลำปาง ครั้งที่13 จะมีพิธีเปิดในวันที่ 1 เมษายน 2555 เวลา 18.00 น. ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่สนใจ สามารถเข้าร่วมงานได้ตามวันและเวลาดังกล่าว หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง โทรศัพท์ 0-5426-5061, 0-5426-5077 และสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง 0-5431-8809

ผู้ร่วมงาน ชมตลาดย้อนยุค

ผู้ร่วมงาน ชมตลาดย้อนยุค

กิจกรรมในงาน (ตลอดวัน)
– ชมตลาดย้อนยุค (กาดหมั้ว) แต่งกายย้อนยุค หรือพื้นเมือง
– ชิมอาหารพื้นเมือง ชมเลือกซื้อสินค้าพื้นบ้าน OTOP
– ชมนิทรรศการประวัติศาสตร์รถไฟ รถม้า นครลำปาง
– ประกวดคาวบอยชาย & หญิง และหน่วยงานองค์การในจังหวัดลำปาง
– การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
– นั่งรถม้าชมเมืองรอบละ 50 บาท นั่งรถไฟเล็กแลมป์เทค ชมเมืองลำปาง
– การจัดมหกรรมอาหาร บริการท่องเที่ยว
– ข้าวแลงสะโตกคำ พร้อมการแสดงสื่อผสม แสง สี เสียง (1เม.ย.55)
– มหกรรมสินค้าราคาถูก สหกรณ์ผู้ผลิตพบผู้บริโภค และสวนสนุก
http://thai.tourismthailand.org/index.php?id=185&event_id=3592

งานรถม้า พ.ศ.2547

งานรถม้า พ.ศ.2547

ร่ำเปิง สุรจันทร์ จันทร์ทองเครือ

สุรจันทร์ จันทร์ทองเครือ

สุรจันทร์ จันทร์ทองเครือ

คุณสุรจันทร์ จันทร์ทองเครือ (อ้ายจันทร์ ของน้อง ๆ)
เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง
เป็นที่รักของทุกคนในที่ทำงาน และเป็นคนสนิทอีกคนหนึ่งของท่านอธิการ
เกิดและเรียนที่จังหวัดแพร่ หลังรับราชการทหารตามภารกิจลูกผู้ชายแล้ว
ก็มามีครอบครัวที่บ้านปงแสนทอง ต.ปงแสนทอง อ.เมือง ลำปาง มีธิดา 2 คน
อายุ 44 ปี เกิด 2511

เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับวันที่ 18 มี.ค.55
บุคลากรรวมใจเป็นเจ้าภาพคืนวันที่ 21 มี.ค.55
แล้วทำพิธี ฌาปนกิจที่สุสานปงแสนทอง บ่ายวันที่ 22 มี.ค.55

ตำแหน่งของพี่สุรจันทร์เกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายคือ พลขับ
ภายในงานมี อ.วีรพันธ์ แก้วรัตน์ อ่านกลอนไว้อาลัย
และ ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม วางผ้ามหาบังสุกุล
http://www.facebook.com/profile.php?id=100003249720253

ประชุมผู้ปกครอง บว.

เครือข่ายผู้ปกครอง

เครือข่ายผู้ปกครอง

19 มี.ค.55 โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ให้ความสำคัญกับ stakeholder โดยเฉพาะผู้ปกครองของนักเรียนกว่า 792 คนของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อปีการศึกษา 2554 จากการร่วมงานประชุมผู้ปกครอง พบว่ามีการนำเสนอ อัตลักษณ์ (identity) อย่างชัดเจน คือ “รักการทำดี วิชาการมาตรฐานสากล สร้างคนป็นผู้นำ” และมีการวางระบบในการดำเนินการกับผู้ปกครอง สร้างกลไกให้เกิดขับเคลื่อนโรงเรียนได้อย่างชัดเจน

โรงเรียนให้ความสำคัญ ต่อ บทบาทของผู้ปกครอง คือ ให้แต่ละห้องเรียนคัดเลือก เครือข่ายผู้ปกครองแต่ละห้องเรียน มาห้องละ 5 คน นำทั้ง 16 ห้องมารวมกัน คัดเลือกเป็นเครือข่ายผู้ปกครองระดับชั้นได้ 5 คน แล้วนำไปคัดเลือกเครือข่ายผู้ปกครองระดับโรงเรียน .. ผู้ปกครองที่เห็นความสำคัญของบทบาทนี้ และคิดว่าจะเข้าไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทั้งต่อตัวนักเรียน และโรงเรียนก็จะอาสาเข้าไปเป็นเครือข่าย และร่วมกันระดมสมองในการพัฒนาโรงเรียน เป็นอีกกลไกหนึ่งของ stakeholder ที่เข้มแข็ง

ดาวรุ่งลูกทุ่ง

นักร้องสาวสวย ยอดนิยม

นักร้องสาวสวย ยอดนิยม

มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง
จัดกิจกรรม การแข่งขันเต้น และเสียงดีมีทุน
ดาวรุ่งลูกทุ่งเนชั่น ณ ห้าแยกหอนาฬิกา ข่วงนคร
และพบกับศิลปินรับเชิญ “ญาญ่า หญิง”
ในวันที่ 4 เมษายน 2555
เวลา 18.00น. – 24.00น.
เปิดรับสมัครถึงวันที่ 25 มีนาคม 2555
ติดต่อสอบถาม
มหาวิทยาลัยเนชัน 054-265170, 054-820099

งานนี้ผมก็ไม่พลาด
เพราะคุณญาญ่าเป็นศิลปินในดวงใจของผม
จะงานเพลง หรืองานแสดงล้วนสุดยอด
เป็นศิลปินที่ขาวใส สวมเสื้อดำ และมีสไตล์ของตนเอง
แล้วพบกับเธอในดวงใจของผม ด้วยกันครับ

สาเหตุของการเกิดไฟป่ามี 2 สาเหตุ

fire

fire

ไฟป่าเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ สาเหตุจากธรรมชาติ และสาเหตุจากมนุษย์
1. สาเหตุจากธรรมชาติ
ไฟป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน ภูเขาไฟระเบิด ก้อนหินกระทบกัน แสงแดดตกกระทบผลึกหิน แสงแดดส่องผ่านหยดน้ำ ปฏิกริยาเคมีในดินป่าพรุ การลุกไหม้ในตัวเองของสิ่งมีชีวิต (Spontaneous Combustion) โดยทั่วไปมี 2 สาเหตุ ดังนี้
1.1 ฟ้าผ่า เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดไฟป่าในเขตอบอุ่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของไฟป่าที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากฟ้าผ่า ทั้งนี้โดยที่ฟ้าผ่าแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
(1) ฟ้าผ่าแห้ง (Dry or Red Lightning) คือ ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นในขณะที่ไม่มีฝนตก มักเกิดในช่วงฤดูแล้ง สายฟ้าจะเป็นสีแดง เกิดจากเมฆที่เรียกว่าเมฆฟ้าผ่า ซึ่งเมฆดังกล่าวจะมีแนวการเคลื่อนตัวที่แน่นอนเป็นประจำทุกปี ฟ้าผ่าแห้งเป็นสาเหตุสำคัญของไฟป่าในเขตอบอุ่น
(2) ฟ้าผ่าเปียก (Wet or Blue Lightning) คือ ฟ้าผ่าที่เกิดควบคู่ไปกับการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) ดังนั้นประกายไฟที่เกิดจากฟ้าผ่า จึงมักไม่ทำให้เกิดไฟไหม้ หรืออาจเกิดได้บ้างแต่ไม่ลุกลามไปไกล เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์และความชื้นของเชื้อเพลิงสูง ฟ้าผ่าในเขตร้อนรวมถึงประเทศไทยมักจะเป็นฟ้าผ่าเปียก จึงแทบจะไม่เป็นสาเหตุของไฟป่าในเขตร้อนนี้เลย
1.2 กิ่งไม้เสียดสีกัน อาจเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ป่าที่มีไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นและมีสภาพอากาศแห้งจัด เช่น ในป่าไผ่หรือป่าสน

2. สาเหตุจากมนุษย์
ไฟป่าที่เกิดในประเทศกำลังพัฒนาในเขตร้อนส่วนใหญ่ มีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ สำหรับประเทศไทยจากการเก็บสถิติไฟป่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528-2542 ซึ่งมีสถิติไฟป่าทั้งสิ้น 73,630 ครั้ง พบว่าเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติ คือ ฟ้าผ่าเพียง 4 ครั้ง ได้แก่ 1) ที่ภูกระดึง จังหวัดเลย 2) ที่ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่ 3) ที่ท่าแซะ จังหวัดชุมพร และ 4) ที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา แห่งละหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงถือได้ว่าไฟป่าในประเทศไทยทั้งหมดเกิดจากการกระทำของคน โดยมีสาเหตุต่างกันไป ได้แก่
2.1 เก็บหาของป่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ามากที่สุด การเก็บหาของป่าส่วนใหญ่ได้แก่ ไข่มดแดง เห็ด ใบตองตึง ไม้ไผ่ น้ำผึ้ง ผักหวาน และไม้ฟืน การจุดไฟส่วนใหญ่เพื่อให้พื้นป่าโล่ง เดินสะดวก หรือให้แสงสว่างในระหว่างการเดินทางผ่านป่าในเวลากลางคืน หรือจุดเพื่อกระตุ้นการงอกของเห็ด หรือกระตุ้นการแตกใบใหม่ของผักหวานและใบตองตึง หรือจุดเพื่อไล่ตัวมดแดงออกจากรัง รมควันไล่ผึ้ง หรือไล่แมลงต่างๆ ในขณะที่อยู่ในป่า
2.2 เผาไร่ เป็นสาเหตุที่สำคัญรองลงมา การเผาไร่ก็เพื่อกำจัดวัชพืชหรือเศษซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบต่อไป ทั้งนี้โดยปราศจากการทำแนวกันไฟและปราศจากการควบคุม ไฟจึงลามเข้าป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
2.3 เลี้ยงปศุสัตว์ ประชาชนที่เลี้ยงปศุสัตว์แบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติ มักลักลอบจุดไฟเผาป่าให้โล่งมีสภาพเป็นทุ่งหญ้า เพื่อเป็นแหล่งอาหารสัตว์
2.4 ล่าสัตว์ โดยใช้วิธีไล่เหล่า คือจุดไฟไล่ให้สัตว์หนีออกจากที่ซ่อน หรือจุดไฟเพื่อให้แมลงบินหนีไฟ นกชนิดต่าง ๆ จะบินมากินแมลง แล้วดักยิงนกอีกทอดหนึ่ง หรือจุดไฟเผาทุ่งหญ้า เพื่อให้หญ้าขึ้นใหม่ ล่อให้สัตว์ เช่น กระทิง กวาง กระต่าย มากินหญ้า แล้วดักรอยิงสัตว์นั้น ๆ
2.5 แกล้งจุด ในกรณีที่ประชาชนในพื้นที่มีปัญหาความขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องที่ทำกินหรือถูกจับกุมจากการกระทำผิดในเรื่อง ป่าไม้ ก็มักจะหาทางแก้แค้นเจ้าหน้าที่ด้วยการเผาป่า
2.6 ความคึกคะนอง บางครั้งการจุดไฟเผาป่าเกิดจากความคึกคะนองของผู้จุด โดยไม่มีวัตถุประสงค์ใด ๆ แต่จุดเล่นเพื่อความสนุกสนาน เท่านั้น
2.7 ความประมาท เกิดจากการเข้าไปพักแรมในป่า ก่อกองไฟแล้วลืมดับ หรือทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นป่า เป็นต้น

http://www.dnp.go.th/forestfire/FIRESCIENCE/lesson%201/lesson1_6.htm

ลำปาง ควันอันดับหนึ่งอีกแล้ว

ควันลำปาง

ควันลำปาง

จัดอันดับจังหวัดที่มีหมอกควันไฟสูงในประเทศไทย ประจำวันที่ 26 ก.พ.55
อันดับหนึ่ง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง วัดได้ 279 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
อันดับสอง สนามกีฬากลาง จ.ลำพูน วัดได้ 274.50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
อันดับสาม จ.แพร่ วัดได้ 232.33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
อันดับสี่ กว๊านพะเยา จ.พะเยา วัดได้ 229.92 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555 กรมควบคุมมลพิษ รายงานสภาพอากาศมายังจังหวัดลำปาง โดยได้ส่งให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง ซึ่งทางกรมควบคุมมลพิษ ได้กำชับให้ทางจังหวัดลำปาง เร่งหาแนวทางป้องกัน และลดสถานการณ์หมอกควันไฟให้เร็วที่สุด เนื่องจากค่าได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ถือว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในหมอกควันไฟได้พุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในระดับวิกฤต และเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่อย่างมาก โดยค่าเฉลี่ยในวันนี้ของ จ.ลำปาง ถือว่าเป็นค่าที่พุ่งสูงสุดในประเทศไทย และเป็นค่าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วัดได้ที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

ทั้งนี้ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัติโนมัติของกรมควบคุมมลพิษ ที่ตั้งอยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบ้านท่าสี ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ วัดได้ 279 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าเป็นค่าสูงสุดในประเทศไทยในวันนี้ ส่วนสถานีที่ตั้งอยู่บริเวณการประปาแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง วัดได้ 270.71 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สถานีที่ตั้งอยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลสบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 222.36 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าทุกสถานีตรวจวัด มีค่าเกินมาตรฐานทุกแห่ง ส่วนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัติโนมัติของกรมควบคุมมลพิษ ที่ตั้งอยู่ข้างศาลหลักเมืองลำปาง อ.เมือง เทศบาลนครลำปาง เครื่องเกิดขัดข้อง ไม่สามารถรายงานค่าได้

อย่างไรก็ตาม  จ.ลำปาง ถือว่า สถานการณ์น่าเป็นห่วง และเข้าสู่ในระดับที่ทางกรมควบคุมมลพิษ ต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ได้เข้าสู่ระดับที่รุนแรงเพิ่มขึ้น จนเกือบถึง 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สำหรับจังหวัดทางภาคเหนือ ที่ค่าพุ่งสูงกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่ต้องติดตามสถานการณ์เช่นกัน คือ จ.ลำพูน สถานีตรวจวัดที่ตั้งอยู่สนามกีฬากลาง จ.ลำพูน วัดได้ 274.50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จ.แพร่ สถานีตรวจวัดตั้งอยู่สถานีอุตุนิยมวิทยา จ.แพร่ วัดได้ 232.33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ จ.พะเยา สถานีตั้งอยู่ที่อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา จ.พะเยา วัดได้ 229.92 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330238419&grpid=02&catid=02

สะพานรัษฎาภิเศก 360 องศา

27 ก.พ.55 สะพานรัษฎาภิเศก หรือ สะพานขาว เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวัง ตั้งอยู่ที่ ถนนรัษฎา ต.หัวเวียง อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง เดิมเป็นสะพานโครงสร้างไม้ ที่ทางเจ้าผู้ครองนครลำปาง และชาวจังหวัดลำปางได้จัดสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 ในโอกาสที่พระองค์ครองราชย์ครบ 25 ปี ในปี พ.ศ. 2437

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ได้ทาสีพรางตาและด้วยการอ้างว่าสะพานแห่งนี้ไม่มีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ จึงรอดจากโจมตีทิ้งระเบิดมาได้ หลังจากนั้นได้มีการก่อสร้างใหม่เมื่อเดือนมีนาคม 2460 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาว และครุฑหลวงประดับไว้ตรงหัวสะพาน

สะพานรัษฎาภิเศกภิเษกยังทำหน้าที่สัญลักษณ์ของเมืองลำปาง ในฐานะของ “ขัวสี่โก๊ง(สะพานสี่โค้ง)” “ขัวหลวง (สะพานใหญ่)” “ขัวขาว (สะพานขาว)

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%81