Daily Archives: 2016-07-02

ส่งต่อจดหมายขอเป็นส่วนตัว (itinlife559)

the_great_moon

จดหมายลวง หรือข่าวลวง หรือไวรัสหลอกลวง มีชื่อภาษาอังกฤษว่าโฮแอ็ค (Hoax) เป็นคำที่มักนำมาพูดในหัวข้อไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ การแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่จริง ผู้ส่งต่อคือผู้ติดไวรัสหลอกลวง เมื่อเกิดขึ้นก็จะติดต่อ และแพร่กระจายได้เร็ว โดยเฉพาะยุคก่อนสื่อสังคม โฮแอ็คจะรู้จักกันมากและแพร่กระจายผ่านอีเมล อาทิ ได้รับอีเมลแจ้งเตือนว่าผู้ให้บริการอีเมลจะปิดบริการ หากต้องการให้บริการนี้อยู่ต่อ ให้ส่งจดหมายฉบับนี้ไปยังเพื่อนอีก 20 คน เพื่อเป็นข่าวสารย้อนกลับไปยังผู้ให้บริการและจะยังให้บริการต่อไป โดยโฮแอ็คเป็นไวรัสที่ติดคน ถ้าคนเชื่อก็จะส่งต่อไปเรื่อย ติดต่อเนื่องกันไป ลักษณะการกระจายข่าวหลอกลวงแปรผันกับความอ่อนไหวในประเด็นของผู้ติดไวรัส
กรณีข่าวลวง หรือโฮแอ็คเรื่องเฟสบุ๊คที่แพร่หลายเมื่อ 2 กรกฎาคม 2559 จนมีชาวเฟสบุ๊คบางคนปฏิบัติตามคำแนะนำในข่าวลวง แล้วโพสต์ข้อความในหน้าโปรไฟร์ของตน เพราะเขียนได้น่าเชื่อ และกระทบความเป็นส่วนตัว (Privacy) คำว่า คิดก่อนโพสต์ (Think before post) อาจเข้าหยุดการแพร่ข่าวล่วงได้ไม่ทัน เพราะคนที่โพสต์มักคิดอย่างดีแล้วถึงได้โพสต์ตามคำแนะนำ สำหรับคนที่ไม่แชร์ข่าวลวงเรื่องความเป็นส่วนตัว เช่น อ.ปริญญา หอมเอนก เพราะมีประสบการณ์เกี่ยวกับระบบรักษาความมั่นคงทางไอที และต้องบรรยายเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ ส่วนคนที่เคยดูคลิ๊ปคิดก่อนเชื่อ เช็คก่อนแชร์ (Check before share) ของ AIS เรื่อง ทามะนาว รักษามะเร็งได้ ก็น่าจะได้ตระหนักก่อนแชร์ตามบทเรียนที่ได้จากการชมคลิ๊ป และท่านที่ทำงานด้านสุขภาพก็จะไม่ติดไวรัสหลอกลวงเรื่องนี้

http://hoaxes.org/archive/permalink/the_great_moon_hoax

คำว่า Hoax แปลว่า หลอกลวง ไม่ได้กำเนิดมาจากยุคคอมพิวเตอร์ พบว่าปีค.ศ.1835 มีบทความเรื่องสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ (The Great Moon Hoax) ทั้งหมด 6 ตอน เขียนโดย Sir John Herschel ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The New York Sun ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปผ่านการบอกเล่า จากคนสู่คน จากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 180 ปี ทำให้หนังสือพิมพ์ขายดีขึ้นอย่างชัดเจน และหลังจากความจริงปรากฏ หนังสือพิมพ์ก็ยังขายดีต่อเนื่อง คนที่เชื่อจากการอ่านหนังสือพิมพ์ก็ยังเชื่อต่อไป และนำไปเล่าต่อให้ลูกให้หลานฟัง ปัญหาของโฮแอ็คจะมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นกับประเด็นที่หลอกลวง

เดินห้าง สำรวจตลาด เห็นร้านรวงปิดหลายเลย

หลัง ๆ มานี้ไปเดินห้างกลางเมืองบ่อย
แต่ละชั้นมีร้านค้าแบรนด์เพียบ
ไปเดินบ่อยก็เห็นการเปลี่ยนแปลง
คะเนดูเมื่อปลายมิ.ย.59
มีร้านประมาณร้อยนึง แบ่งเป็นชั้นละ 35 ร้าน

แต่ละชั้นมีจำนวนห้องว่างต่างกัน
ชั้นแรกพบห้องเดียว ชั้นสองพบ 6 ห้อง
ชั้น 3 พบ 4 ห้อง รวม 11 ห้อง
ส่วนใหญ่เป็นร้านอุปกรณ์ไอที สื่อบันเทิง และอาหาร
ก็ประมาณ 10% ที่ปิดไป

กลับไปมองในตัวเมือง
ก็เห็นร้านกาแฟ กับร้านแมวปิดไป
ร้านน้ำตาล ที่เคยขายอาหาร กาแฟ ก็พึ่งปิด
ร้านเก่าก็ทะยอยปิดไปเรื่อย ๆ
ตลาดกลางคืนเปิดใหม่ คนก็ไม่ค่อยไปเดิน
เศรษฐกิจคงไม่ค่อยดี มี supply มากกว่า demand

สรุปว่าการลงทุนมีความเสี่ยง
ลงแล้วไม่ได้คืนก็เสียดายตังนะ