“อุตสาหกรรมไอที” ขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก เหตุเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ขณะที่ตลาดยังมีความต้องการแรงงานไอทีสูง “สวทช.” แนะคนไอทีพัฒนาทักษะเพิ่มผ่านกลไกรัฐช่วยหนุน ผ.อ.”ไอเอ็มซี” ชี้คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
ปัญหาจำนวนแรงงานหรือบุคลากรระดับผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เคยเพียงพอของวงการไอทีกลายเป็น “ประเด็นคลาสสิค” ที่ยังไม่มีทีท่าจะเบาบางลง แต่กลับกันยิ่งดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นแปรผันตรงแถมยังตามหลังแบบห่างๆ เมื่อเทียบกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและยิ่งดูสถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่เมื่อวัดกันถึงแรงงานระดับ “คุณภาพ” ที่จะสามารถต่อยอดเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมได้มากกว่าจะเป็นแรงงานไอทีทั่วไป
—
หลักสูตรตามไม่ทันเทคโนฯ
นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)กล่าวว่า ส่วนของภาคไอทีนั้นแรงงานเข้าขั้น “ขาดแคลนหนัก” โดยมีหลายปัจจัย เช่น หลักสูตรการเรียนการสอนตามสถาบันการศึกษา ไม่ได้รับการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเร็วมาก ส่วนใหญ่หลักสูตรที่สอนตามมหาวิทยาลัยก็จะมุ่งเน้นการสอนตามทฤษฏีหลักๆ แต่ไม่เน้นในเรื่องของการนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม
“ปัญหาสำคัญ คือ เราตามเทคโนโลยีกันไม่ทัน หลักสูตรการเรียนการสอนที่มีเมื่อนักศึกษาจบมา ไม่ตรงกับคุณสมบัติหรือความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ไทยเสียโอกาสในการพัฒนาคนเก่งๆ ในเรื่องไอที ดังนั้นจึงมีความพยายามระหว่างหน่วยงานด้านไอทีของประเทศ และสถาบันการศึกษาในการพัฒนาคนให้เหมาะกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม”
นางสุวิภา กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันแรงงานด้านไอทีในไทยทั้งอุตสาหกรรมมีเพียงแค่ 50,000 คน แต่ละปีเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 5,000 คน เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับประเทศเวียดนามแล้ว ถือว่าไทยยังห่างไกลมาก เพราะเวียดนามมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ชัดเจนโดยตั้งเป้าว่าปี 2015 จะต้องมีโปรแกรมเมอร์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน
“ต้องยอมรับว่า แรงงานไอทีของไทย ยังหาคนที่เก่งจริงๆ ยาก เราต้องพยายามพัฒนาแรงงานไอทีเฉพาะทางให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ขณะที่ แรงงานไอทีที่มีอยู่แล้ว ต้องพยายามเพิ่มทักษะ หรือ Re-skill ตัวเองขึ้นมาให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ต้องไปหาความรู้เพิ่ม ซึ่งความรู้พวกนี้ปัจจุบันสามารถเรียนผ่านเว็บได้ทั้งหมด มีเครื่องมือที่เข้าถึงง้ายขึ้นกว่าในอดีต ขณะเดียวกันก็ต้องมีกลไก จูงใจคนที่คิดจะเข้ามาสู่แรงงานภาคไอทีว่า เขาสามารถพัฒนาทักษะและขึ้นเป็นเจ้าของกิจการได้ ไม่ใช่เป็นได้แค่ลูกจ้างเท่านั้น”
อย่างไรก็ตามเธอยังบอกด้วยว่า แรงงานไอที ควรต้องเร่งพัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นมา โดยเฉพาะในระดับโปรเจค แมเนจเม้นท์ เพราะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะสามารถใช้เอาท์ซอร์สจากประเทศเพื่อนบ้านได้
“ขณะนี้ สวทช.กำลังผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรม เพื่อสอนหลักสูตรในด้านไอทีที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม เมื่อเด็กจบมาก็ให้ฝึกงานกับบริษัทนั้นๆ ได้เลย ดิฉันมองว่า เด็กไทยเก่งๆ รวมถึง บุคคลากรด้านไอทีขณะนี้ยังรับทักษะใหม่ๆ ได้อีกมาก แต่ต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ขณะนี้ รัฐเองก็มีกลไกสนับสนุนในเรื่องของภาษี คือ ให้พนักงานไปพัฒนาทักษะไอทีเพิ่มเติม แล้วนายจ้างสามารถนำค่าใช้จ่ายเหล่านั้นมาหักภาษีได้” นางสาวสุวิภา กล่าว
—
ย้ำ”คุณภาพ”สำคัญกว่าปริมาณ
นายธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี ศูนย์รวมข้อมูลเชิงวิชาการสำหรับอุตสาหกรรมไอซีทีในไทย ระบุว่า แรงงานไอทีเป็นปัญหาที่มีมาต่อเนื่อง แต่ประเด็นที่สำคัญกว่าการผลิตบุคลากรให้ได้ปริมาณตามความต้องการของตลาดคือ “คุณภาพ” รวมถึงยังควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่คนไทยถนัด เพราะพื้นฐานคนไทยส่วนใหญ่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าการเป็นผู้ผลิตหรือพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
“เราต้องเน้นเรื่องของคุณภาพมากกว่ามองเรื่องตัวเลขแรงงานอย่างเดียว เหมือบกับอาชีพหมอที่ยุคไหนๆก็ไม่เพียงพอ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นหมอได้หมด แต่ต้องดูด้วยว่าเราถนัดทางไหน ดูจากภาพรวมแล้วจุดแข็งของไทยที่มองเห็นคือ การทำเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ที่จะเห็นว่ามีบริษัทเกิดใหม่เกี่ยวกับไอทีช่วงนี้เยอะ และเป็นไปได้มากกว่าการจะเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์องค์กรใหญ่ๆ หรือรับงานเอาท์ซอร์สจากต่างประเทศ”
ผู้อำนวยการไอเอ็มซียังมองว่า การสร้างแรงงานด้านไอทีอาจไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงไอซีทีเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการที่มีบทบาทโดยตรงต่อการสร้างพื้นฐานการศึกษา เพราะคนจะเก่งด้านไอทีควรต้องมีพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์แข็งแกร่ง ซึ่งควรต้องได้รับการกระตุ้นหรือส่งเสริมด้วยการศึกษาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ส่วนค่าแรงไอทีสำหรับตลาดไทยจัดอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศในแถบเดียวกัน เช่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ ซึ่งค่าแรงไอทีเริ่มต้นโดยเฉลี่ยยังไม่เกิน 10,000 บาท ขณะที่ไทยมีค่าแรงขั้นต้นสูงกว่ามาก และเกินกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 15,000 บาทมานานแล้ว
อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่ากังวลกว่าคือ ความสนใจของเยาวชนที่ปัจจุบันเริ่มมองสาขาวิชาที่เรียนง่าย ไม่ซับซ้อน จบแล้วมีงานทำ ทำให้กระแสการเรียนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเริ่มน้อยลงไปด้วย
—
วิศวะ-ไอที ตลาดยังต้องการ
นางสาวธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ไทย-เวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย จำกัด บริษัทให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลครบวงจร กล่าวถึงแนวโน้มการจ้างแรงงานปี 2556 ว่า ตำแหน่งที่คนทำงานมองหามากที่สุด คือ การตลาด วิศวะ และไอที ซึ่งปี 2555 มีผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบทุกสายอาชีพ โดยตำแหน่งการตลาดเป็นตำแหน่งที่คนทำงานมองหามากที่สุด แต่จำนวนเปิดรับยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มคนทำงาน ทำให้เกิดการแข่งขันสูง
พร้อมกันนี้ สภาพการจ้างงานในประเทศกำลังพัฒนาจะต้องการแรงงานระดับปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้น แต่กลับเกิดสถานการณ์ “Talent shortage” หรือขาดแคลนแรงงานที่มีขีดความสามารถสูง หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่เป็นที่ต้องการขององค์กรต่างๆ ในระดับบริหารงาน
Category Archives: news
เดอะกัสโต้ ที่ หัวเวียง
เดอะกัสโต้ ที่ หัวเวียง
The Gusto @ hua vieng
วันเก่อนหัวหน้าของผม นั่งจิ้ม iphone ที่ร้าน coffee shop
เป็นพฤติกรรมที่น่าเอาเยี่ยงอย่างยิ่งนัก
บรรดาลูกศิษย์เห็นก็คงอยากมีอุปกรณ์ไว้ใช้สักเครื่อง
แล้ววันนี้ที่หน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเนชั่น
ได้พบป้ายว่าถ้าจองคอนโดระหว่าง 11 – 13 มกราคม 2556
จะได้รับ แจก iphone 5 และ air condition
(ในใจผมก็คิดว่ารุ่นนี้ ใหม่กว่าของหัวหน้าผมอีก)
สรุปว่าท่านใดสนใจมีคอนโดริมถนนที่ลำปาง
เยื้องทีวีช่อง 11 หรือช่อง 8 เดิม
ก็ติดต่อที่ 08-7726-5333 หรือ 08-7726-5444
ในราคา 7 แสนต้น ๆ
เพราะผมรู้ว่าซื้อคอนโดในบางกอก .. หลายล้านครับ
การบริหารจัดการอัตลักษณ์ของตนเองอย่างยั่งยืน
15 ต.ค.55 อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเนชั่น เล่าใน yammer.com ว่าลงพื้นที่ 13 อำเภอในลำปางระหว่าง 6 – 11 ต.ค 55 เก็บข้อมูล แลกเปลี่ยนกับแต่ละพื้นที่แล้ว ตามแผนวิจัยฯ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจาก สัมมนาที่มหาวิทยาลัยเนชั่นเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
17 ก.ย.55 มหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง จัดสัมนาเรื่อง “การบริหารจัดการอัตลักษณ์ของตนเองอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง” ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคารคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่นลำปาง เป็นประธานเปิดการสัมมนา และมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนมาก ประกอบด้วย ครู อาจารย์ นักศึกษา จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่จังหวัดลำปาง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนผู้สนใจ
โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เป็นกิจกรรมหนึ่งในแผนงานการวิจัย เรื่อง “การจัดการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของ อัตลักษณ์ชุมชนลำปาง” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการหาแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีเนื้อหาและแบบแผนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดลำปาง และให้ตรงกับความต้องการของตลาดการท่องเที่ยวทั่วไป ตลอดจนให้มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องถึงกันบนเส้นทางโลจิสติกส์ของจังหวัด เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
ในการสัมมนามีการบรรยายเรื่อง การสร้างชุมชนต้นแบบในการบริหารจัดการ อัตลักษณ์ของตนเองอย่างยั่งยืน และมีการประชุมกลุ่มย่อยแสดงความคิดเห็นที่มีต่อการพัฒนาอัตลักษณ์ชุมชนในด้านต่าง ๆ
– ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
– ด้านพืชผัก ผลไม้ อาหารท้องถิ่น และร้านอาหาร
– ด้านการพัฒนาหัตถกรรมท้องถิ่นที่จะนำไปสู่การเป็นของที่ระลึก
– ด้านการพัฒนางานประชาสัมพันธ์และการจัดทำศูนย์สารสนเทศ
– ด้านการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมทางการท่องเที่ยวและที่พัก
– ด้านการร่วมกันสร้างเส้นทางท่องเที่ยวอย่างมีอัตลักษณ์
บนเส้นทางการท่องเที่ยว 4 เส้นทาง
1. เส้นทางสายอำเภอห้างฉัตร – เกาะคา – เสริมงาม – แม่ทะ
2. เส้นทางสายอำเภอแจ้ห่ม – เมืองปาน – วังเหนือ
3. เส้นทางสายอำเภอเมือง – แม่เมาะ – งาว
4. เส้นทางสายอำเภอสบปราบ – เถิน – แม่พริก
ข้อมูลจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่
http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=120917223527
น้ำจากแม่น้ำวัง ล้นเข้าท่วม ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง กว่า 100 หลังจมน้ำ
16 ก.ย.55 ฝนตกหนัก น้ำไหลไม่ทัน จึงเอ่อเขาท่วมหมู่บ้าน
แหล่งที่ 1 matichon.co.th
นายสัลเลข คำใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง และนายศรีโรจน์ นิมมานพัชรินทร์ นายอำเภอเกาะคา จ.ลำปาง ได้รุดตรวจสอบพื้นที่ 3 หมู่บ้านใน ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง ซึ่งเป็นอำเภอทางตอนใต้ของ จ.ลำปาง โดยอยู่ห่างตัวเมืองลำปาง 35 กิโลเมตร โดยหลังจากแม่น้ำวังเอ่อล้นตลิ่ง ตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น. โดยไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรกว่า 100 หลังคาเรือน กระจายในหมู่บ้านแม่ไฮ ม.2 บ้านนาแส่ง ม.6 และบ้านนากิ๋ม ม.7 ต.นาแส่ง ระดับน้ำท่วม ตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ไปจนถึง 1.50 เซนติเมตร ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำยังคงทรงตัว
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น มาจาน้ำป่าที่ไหลหลากมากับลำน้ำแม่จาง หลังทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ก่อนที่น้ำก้อนใหญ่จะไหลมาสมทบในแม่น้ำวัง เขต อ.เกาะคา จ.ลำปาง ซึ่งแม่น้ำวัง ที่มีปริมาณเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ยิ่งมีน้ำก้อนใหญ่ ในลำน้ำแม่จาง ไหลลงมาสมทบอีก จึงทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรทันที ซึ่งทาง จ.ลำปาง ได้ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ ว่า ไม่น่าห่วง เพราะเป็นการเอ่อท่วม ไม่ได้ไหลเชี่ยวกราดรุนแรง และสถานการณ์ก็ไม่หนักเท่ากับเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร กระทบกว่า 1,000 หลังคาเรือน โดยในครั้งนั้น ท่วมทั้งโรงเรียนบ้านนาแส่ง – แม่ไฮ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลนาแส่ง และ อบต.นาแส่ง
“แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ แม่น้ำวังได้ท่วมโรงเรียนเพียงเล็กน้อย โดยท่วมบริเวณโรงเรียน แต่ไม่ถึงห้องเรียน เพราะห้องเรียนตั้งอยู่สูง แต่จะหนักที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลนาแส่ง ที่ท่วมชั้นล่างของโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่ ได้เก็บสิ่งของมีค่า และเวชภัณฑ์ขึ้นพื้นที่สูงก่อน เนื่องจากทางอำเภอได้ประกาศเตือนภัยไว้ล่วงหน้า จึงทำให้ทรัพย์สิน และเวชภัณฑ์ ไม่ได้รับความเสียหายมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันนี้ หากฝนไม่ตกซ้ำลงมา ก็จะทำให้น้ำลดระดับลง จนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่สิ่งที่ชาวบ้านเกิดความเป็นห่วงมากที่สุด คือ ลำน้ำแม่ตุ๋ย ที่ไหลมาจาก อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ที่จะลงมาสมทบในแม่น้ำวัง เขต อ.เกาะคา อาจจะทำให้แม่น้ำวังในเขต ต.นาแส่ง เอ่อสูงขึ้น แล้วท่วมบ้านเรือนราษฎรอีกได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ แม่น้ำวังที่เอ่อล้นตลิ่งได้ท่วมบ้านเรือนราษฎรนานกว่า 7 ชั่วโมงแล้ว” นายสัลเลข กล่าว
http://www.matichon.co.th
—
แหล่งที่ 2 krobkruakao.com
น้ำวังเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง บ้านกว่า 100 หลังจมน้ำวัง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลนาแส่งโดนด้วย โรงเรียนอีก 1 แห่ง
วันนี้ เวลา 08.00 น.(16 ก.ย) ลำน้ำวังไหลทะลักเข้าเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ต.นาแส่ง อ.เกาคา จ.ลำปาง มีพื้นที่ 3 หมู่บ้านของ ต.นาแส่ง ถูกน้ำท่วมวังเข้าท่วม ได้แก่ หมู่ที่ 2 บ้านแม่ไฮ หมู่ที่ 6 บ้านนาแส่ง หมู่ที่ 7 บ้านนากิ๋ม รวมบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำวังเอ่อล้นเข้าทั้งหมดกว่า 100 หลังคาเรือน บางจุดมีน้ำท่วมตั้งแต่ 80 เซนติเมตร-1.50 เมตร
ส่วนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.นาแส่ง ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายทั้งหมด และโรงเรียน นาแส่งแม่ไฮนากิ๋ม ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน
ส่วนน้ำวังที่เข้าท่วม เป็นน้ำจากลำน้ำจาง ลำน้ำตุ๋ย และน้ำลำแม่ยาว ซึ่งเป็นน้ำก้อนใหญ่ ไหลมาจากทางทิศเหนือของ จ.ลำปาง ที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ลำน้ำวังมีสภาพที่ไหลเชี่ยวแรง
ส่วนชาวบ้านบางรายบอกว่า น้ำวังได้เริ่มเข้าท่วมตั้งแต่เวล 04.00 น โดยพื้นที่ ต.นาแส่ง เป็นพื้นที่ที่ต่ำที่ราบปีที่แล้วก็ถูกน้ำท่วมหนัก แต่ปีนี้ถือว่ายังไม่หนักมากเท่า
แต่ชาวบ้านในพื้นที่หวาดระแวงว่าน้ำอาจจะท่วมสูงขึ้นอีกจากน้ำวังที่สูงขึ้น และหากมีฝนตกลงมาอีก แต่อย่างไรก็ตามช่วงสายวันนี้ บรรยากาศที่ จ.ลำปาง เริ่มเห็นแสงแดดบ้างแล้ว แต่บางจุดก็ยังมีท้องฟ้ามืดครึ้ม ส่วนชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังเพราะสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่น่าไว้วางใจ
http://www.krobkruakao.com
การบริหารจัดการอัตลักษณ์ของตนเองอย่างยั่งยืนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง
14 ก.ย.55 อ.ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ และ อ.แดน กุลรูป ทำงานร่วมกับ ทีมงานวิจัย 14 ท่าน ผู้ช่วยวิจัยอีก 6 ท่าน และนักศึกษาช่วยงาน รวมกว่าีอีก 50 ชีวิต จัดสัมมนา เรื่อง “การบริหารจัดการอัตลักษณ์ของตนเองอย่างยั่งยืนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง” ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเนชั่น โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดี เป็นประธานในพิธีเปิด ผู้ร่วมสัมมนาประกอบด้วยบุคคลจากหน่วยงาน สถานศึกษา ผู้ประกอบการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในจังหวัดลำปาง วันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2555 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 อาคารคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง .. ความสำเร็จในการสัมมนาเกิดจาก เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทีม และภาคีเครือข่าย
ในคลิ๊ปนี้มีบรรยากาศในการประชุม เมื่อวันที่ 14 ก.ย.55
จากเอกสารประกอบการประชุม พบว่า แผนงานวิจัยเรื่อง การจัดการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอัตลักษณ์ชุมชนลำปาง มีหัวหน้าแผนงานวิจัยคือ ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ และมีโครงการวิจัยย่อย จำนวน 6 โครงการได้แก่
1. การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือที่ยั่งยืนในการจัดการอัตลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดลำปางอย่างสร้างสรรค์ มีนักวิจัยคือ ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ และคุณทักษิณ อัครวิชัย รองปลัด อบจ.ลำปาง
2. การสร้างสรรค์งานประชาสัมพันธ์เพื่อประสิทธิผลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง นักวิจัยคือ อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง อ.ทิวากรณ์ กองแก้ว และอ.ปัทมาภรณ์ สุขสมโสด สถาบันราชภัฎอยุธยา
3. การจัดทำระเบียบว่าด้วยความร่วมมือทางด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง นักวิจัยคือ อ.วราภรณ์ เรืองยศ และคุณสาวิตรี ศรีธนวิบุญชัย นักวิชาการที่ดิน กทม.
4. องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเล่าชุมชนเพื่อสร้างจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลำปาง นักวิจัยคือ ดร.สุจิรา หาผล ดร.พรธาดา สุวัธนวนิช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และอ.เกศินีย์ สัตตรัตนขจร
5. การพัฒนาเครือข่ายการจัดการทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง นักวิจัยคือ ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ สำราญใจ ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ และนายจิรพิพัฒน์ สิงห์สอน
6. การพัฒนาศักยภาพสินค้าหัตถกรรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยวจังหวัดลำปางสู่การเป็นประชาคมเศรษาฐกิจอาเซียน นักวิจัยคือ อ.ชินพันธุ์ โรจนไพบูลย์ และอ.นงลักษณ์ สุวรรณวิชิตกุล
กระทรวงมหาดไทยระงับการเข้าถึง facebook
เรื่องนี้จริง หรือหลอก .. รอฟังข่าวครับ
ไปพบ tweet ว่า กระทรวงมหาดไทย บล็อก เฟซบุ๊ค
หรือ ปิดกั้น จำกัดสิทธิ์ หยุดให้บริการ กระชับพื้นที่ สิทธิเข้าถึงข้อมูล
มีผล 1 ตุลาคม 2555 คนที่ลำปางย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน
ผมยืนอยู่ฝั่งคนส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกไม่พอใจ
รู้สึกว่าภาครัฐสมัยนี้ ประเมินผล แล้วนำผลประเมินมาใช้
เกิดผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง
จึงค้นจากอินเทอร์เน็ต พบที่ http://faceblog.in.th/2012/09/moi-no-facebook/
มีรายละเอียดว่า
ด้วยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
ได้ตรวจสอบการใช้งานของระบบอินเตอร์เน็ตในรอบ 8 เดือน ในปีงบประมาณ 2555
พบว่าโดเมนที่มีจำนวนการเรียกใช้มากที่สุด 10 อันดับแรก
ปรากฏว่าเป็นการใช้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียง
ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศ และมีการเรียกใช้มากในลักษณะออนไลน์
เช่น www.facebook.com เป็นต้น
ซึ่งการใช้งานดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานราชการ
ทำให้สิ้นเปลืองช่องสัญญาณ (Bandwidth) จำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต
ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เกิดประโยชน์สูงสุด
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงได้กำหนดมาตรการการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต
โดยระงับการเข้าถึง Website ที่ให้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียง
ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานบางเว็บไซต์ และงดการใช้งานเว็บออนไลน์
เช่น www.facebook.com
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ในช่วงระหว่างเวลา 08.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น.
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งผู้ปฏิบัติงานในสังกัดทราบและถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป
ตามประกาศ เห็นว่า รองปลัดกระทรวงฯ ลงนามมาแล้วครับ
จิตอาสา (itinlife#356)
ในแวดวงไอทีมักคุ้นเคยกับคำว่า Free app, Shareware, Freeware, Crack, Keygen, Serial number ที่ทำให้ผู้ใช้ในปัจจุบันสามารถหาโปรแกรมมาทดสอบ เรียนรู้ หรือทดลองใช้งานก่อนซื้อใช้จริง ซึ่งการพัฒนาโปรแกรมแล้วแจกจ่ายให้ผู้ใช้นำไปใช้ก่อนตัดสินใจ หรือใช้ฟรีจำเป็นต้องมีจิตอาสาในระดับหนึ่ง หากเป็นภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Volunteer spirit เมื่อแยกคำก็จะได้ Volunteer หมายถึงอาสาสมัคร ที่ยินดีทำงานไม่ถูกบังคับ ไม่มีผลตอบแทนเป็นเงื่อนไขหลัก ไม่มีการประเมินที่นำไปสู่การเอาผิดเอาชอบ ส่วน Spirit แปลว่า ผู้มีน้ำใจ ที่อุทิศตนโดยไม่ถูกควบคุมด้วยผลตอบแทน ดังนั้นผู้มีจิตอาสา คือ ผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ และอาสาอุทิศตน โดยไม่มีผลตอบแทนเป็นเป้าหมายหลัก
มีการนำเสนอประเด็นจิตอาสาในหน่วยงานทุกระดับบ่อยครั้ง ว่าในสังคมมีเรื่องนี้น้อยกว่าที่ควร และมีการผลักดันให้เพิ่มจำนวนผู้มีจิตอาสา หรือกิจกรรมลักษณะนี้เพิ่มขึ้น จากกรณีการช่วยเหลือล่าช้าต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่เห็นว่าภาคเอกชนหลายรายออกมาช่วยเหลือสังคมอย่างรวดเร็ว แต่ภาครัฐกลับออกมาล่าช้ากว่า โดยมีเหตุผลว่าถูกควบคุมด้วยเงื่อนไขมากมาย อาทิ ไม่ตรงกับแผนยุทธศาสตร์ ไม่มีงบประมาณ รอหนังสือสั่งการณ์ เกรงว่าจะทำงานซ้ำซ้อน ไม่มีกำลังคน ไม่มีความชำนาญ จนออกมาเป็นข่าวอยู่เนือง ๆ ทั้งที่คำว่าจิตอาสาควรเป็นภารกิจสำคัญที่ภาครัฐทุกหน่วยควรเห็นเป็นภารกิจที่สำคัญในการรับใช้ประชาชน
คำว่า CSR (Corporate Social Responsibility) หมายถึง ความรับผิดชอบต่อสังคม ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับองค์กร ทำให้เกิดคำว่า GSR หรือ USR ตามประเภทขององค์กร ซึ่งพบเห็นในสื่อว่ามีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสังคมอย่างชัดเจนกว่าทุกยุคที่ผ่านมา แต่การพัฒนาทางวัตถุเร็วกว่าการพัฒนาทางจิตใจ ทำให้การดำเนินการตามแผน CSR ในองค์กรจำนวนไม่น้อย ไม่อาจบรรลุผลตามที่องค์กรตั้งไว้อย่างแท้จริง ด้วยเหตุว่าผู้รับผิดชอบยังขาดจิตอาสานั่นเอง ก็หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้มีจำนวนผู้มีจิตอาสาเพิ่มขึ้น แล้วมีส่วนเข้าไปพัฒนาสังคมของเราให้พร้อมสำหรับการเปิดประตูสู่อาเซียน แล้วนั่นจะนำไปสู่การได้ใช้ซอฟท์แวร์ฟรีแต่ดี และเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้มีจิตอาสานั่นเอง
http://www.cityofsanmateo.org/index.aspx?NID=2309
tourism cluster ที่ ม.เนชั่น
ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเนชั่น กล่าวต้อนรับใน การสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนโครงการ Tourism cluster กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประจำปีงบประมาณ 2555 (ภายใต้โครงการนวัตกรรมการตลาดท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ปีมหัศจรรย์ ไทยแลนด์) ณ ห้องประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2555 โดยมี นายชนะ เจริญพร ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง กล่าวรายงาน โดยมี นายสุรชัย จงรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดการสัมมนา พร้อมกับบรรยายพิเศษเรื่อง “โอกาสการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง”
10.00 – 12.00น. มีเวทีเสวนาเรื่อง “ย้อนอดีต มองอนาคต การพัฒนา Tourism Cluster 4 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน 1” มีผู้ร่วมเวทีคือ คุณสราวุธ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ คุณสุรพล ตันสุวรรณ นายกสมาคมท่องเที่ยวนครลำปาง คุณชีรโชติ สุนทรารักษ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน คุณสุพจน์ กลิ่นปราณีต นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินรายการโดย ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ ประธานคณะทำงานส่งเสริมการวิจัย และบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเนชั่น
13.00 – 15.00 น. จัดเสวนากลุ่มย่อย เรื่อง การพัฒนาโครงการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพบนเส้นทางการท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน แล้วนำเสนอพร้อมกับประกาศผลลำดับความสำคัญของโครงการท่องเที่ยว
ผู้ว่าลำปาง นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ย้ายมาจากระยอง
กำหนดการเดินทางของ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555
เวลา 06.20 น.
– เดินทางโดยสายการบิน Bangkok Airway เที่ยวบินที่ 203 จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กทม.
เวลา 07.50 น.
– ถึงท่าอากาศยานลำปาง
– รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
ผู้นำองค์กรภาคเอกชน ให้การต้อนรับ
เวลา 08.15 น.
เดินทางไปศาลากลางจังหวัดลำปาง (หลังเดิม) เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนี้
– อนุสาวรีย์ ร.๕
– พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ (หลวงพ่อดำ)
– ศาลหลักเมือง
– ศาลเจ้าที่
– หลวงพ่อเกษม เขมโก
เวลา 08.55 น.
– เดินทางไปอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง (พระยาสุลวฤาชัยสงคราม) เจ้าผู้ครองนครลำปาง
ต้นตระกูลเจ้าเจ็ดตน (ณ ลำปาง, ณ ลำพูน, ณ เชียงใหม่)
– ถึงอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง
– สักการะอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง
เวลา 09.00 น.
– เดินทางไปสักการะวัดพระธาตุลำปางหลวง
เวลา 10.00 น.
– เดินทางไปยังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
เวลา 10.30 น.
– ถึงจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
– สักการะศาลพระภูมิ
– ศาลเจ้าที่
– พระพุทธรูป ประจำจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2555
เวลา 08.30 น.
– เดินทางไปศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง (ศาลากลางจังหวัดลำปาง)
– ถึงศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง
– สักการะศาลพระภูมิ และอนุสาวรีย์ ร.๕
– สักการะพระแสงราชศัสตรา ณ สำนักงานคลังจังหวัดลำปาง
– สักการะพระพุทธรูปในห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง