เคมบริดจ์ อังกฤษ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2549 ผู้อำนวยการ ผู้บริหารและนักวิจัยศูนย์ชีวประวัตินานาชาติ (International Biographical Centre) ที่แคมบริดจ์มีมติเอกฉันท์มอบรางวัลเกียรติยศ (Diploma of Honour) ให้ ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมาน ผู้ประสบความสำเร็จอย่างเด่นชัดในฐานะ บิดาอีเลิร์นนิ่งไทย (Father of Thai E-learning)
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2549 ศูนย์ชีวประวัตินานาชาติ ที่เคมบริดจ์ ได้ประกาศมอบรางวัลผู้ประกอบคุณงามความดี (Meritorious Decoration) ว่า ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมาน มีผลงานยอดเยี่ยมในฐานะ "บิดาแห่งอีเลิร์นนิ่งไทย (The Father of Thai E-Learning) "
- พ.ศ. 2507 คนไทยคนแรกที่จบปริญญาเอกด้านไอที (จบที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งจอร์เจีย, สหรัฐอเมริกา)
- พ.ศ. 2513 คนไทยคนแรกที่ใช้อินเทอร์เน็ต ตั้งแต่อินเทอร์เน็ตแรกเกิดในอเมริกา
- พ.ศ. 2516 คนไทยคนแรกที่ทำอีเลิร์นนิ่ง ในฐานะศาสตราจารย์เต็มขั้น (Full Professor) ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก
- พ.ศ. 2511-2516 คนไทยคนแรกที่เป็นผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยคอมพิวเตอร์ (Director of Graduate Studies in Computer Science) ในอเมริกาที่หมาวิทยาลัยมิชซูรี่
- พ.ศ. 2524 บุรุษคอมพิวเตอร์แห่งปีอาเซียน (Asian Computer Man of the Year 1981) โดยวารสารคอมพิวเตอร์เอเชียในฮ่องกง
- พ.ศ. 2527 เสนอให้ทำธนาคารข้อสอบ (Exam Bank) ในการประชุมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- พ.ศ. 2531 คนไทยคนแรกที่เป็น ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดยตำแหน่งศาสตราจารย์ระดับ 11 นั้นเทียบเท่าปลัดกระทรวงด้านพลเรือน จอมพลด้านทหาร และสูงกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด โดนเป็นศาสตราจารย์ ระดับ 11 อยู่ 10 ปี
- พ.ศ. 2541 ได้รับขนานนามเป็น บิดาอินเทอร์เน็ตไทย โดยบางกอกโพสต์ และอ้างถึงโดย ยัปปี จีเอ็ม สมาร์ทจอบ และเนชั่น
- พ.ศ. 2545 เป็นผู้ก่อตั้ง เป็นประธานกรรมการและเป็นประธานผู้บริหารหรือ ซีอีโอ (Chief Executive Officer) วิทยาลัยการศึกษาทางไกลอินเทอร์เน็ต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
- พ.ศ. 2545 เป็นผู้ยกร่างกฎหมายอีเลิร์นนิ่งฉบับแรกของไทย ซึ่งต่อมาได้รับการปรับปรุงแก้ไขแล้วพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ ตุลาคม 2548
- พ.ศ. 2547 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สร้างอาคาร ศรีศักดิ์ จามรมาน สถานเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้เป็นเกียรติ มี 12 ชั้น 12,000 ตารางเมตร มีคอมพิวเตอร์กว่า 1,000 เครื่อง มีห้องวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ มีศูนย์ผลิตสื่อการสอนทางวิทยุและโทรทัศน์ มีศูนย์ผลิตสื่อการสอนแบบสิ่งพิมพ์ ฯลฯ
- พ.ศ. 2549 เป็นผู้อำนวยการหลักสูตรระดับปริญญาแบบอีเลิร์นนิ่ง หลักสูตรแรกของไทยคือ มหาบัณฑิตการจัดการ (Master of Science in Management) ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ข้อมูลจาก : http://www.elearning.au.edu/media/newspaper_01/media_01.html
ข้อมูลจาก : http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=R5620661&issue=2066
"ม.อัสสัมชัญ" ผนึก "สามารถเทลคอม" ขานรับนโยบายนายทักษิณ หลังบินไปดูงานหัวเหว่ย ที่เซิ่นเจิ้น ประเทศจีน เตรียมยกเครื่องระบบการเรียนการสอนของไทยก้าวสู่ไฮเทค ล่าสุดเตรียมเปิดหลักสูตรอี-เลิรน์นิ่ง ภายใต้โครงการ "AU PLUS"ระดับปริญญาโท สาขาบริหารจัดการแบบ ดีเดย์มกราคม.ปี 49 "ศรีศักดิ์" การันตีเรียนจบได้ใบรับรองจาก กระทรวงศึกษาธิการ สามารถสมัครงานและเรียนต่อได้ ด้าน "ธวัชชัย" ชี้เป็นธุรกิจดาวรุ่งดวงใหม่ที่สร้างรายได้
ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการ และ ประธานผู้บริหารวิทยาลัยการศึกษาทางไกลอินเตอร์เน็ต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือ อี-เลิรน์นิ่ง ในระดับปริญญาโทสาขาวิชาด้านการบริหารจัดการแบบเต็มหลักสูตร เพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาในระดับดังกล่าวที่มีความสนใจศึกษาเล่าเรียนแต่ไม่มีเวลาเดินทางมาเรียนด้วยตนเองที่สถาบัน ภายใต้โครงการ "เอยู พลัส" (AU PLUS) โดยจะเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเรียนได้ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า และเริ่มเปิดเรียนประมาณต้นเดือนพฤษภาคม
โดยหลักสูตรดังกล่าวจะใช้เวลาในการเรียนทั้งหมดประมาณ 1 ปี ซึ่งผู้เรียนจะต้องส่งงานให้กับอาจารย์ผู้สอนเกินกว่า 20% ขึ้นไปของการเรียน และ ต้องมีการติดต่ออาจารย์ผู้สอนรวมถึงเพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อแสดงถึงความสนใจในการศึกษา และการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นเหมือนดังเช่นการศึกษาเล่าเรียนตามหลักสูตรปกติในมหาวิทยาลัย โดยอาจารย์ผู้สอนจะเข้ามาตอบปัญหาของนักศึกษาที่ไม่เข้าใจภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ส่งคำถามเข้ามา
นอกจากนี้ระหว่างที่ศึกษาเล่าเรียนก็จะมีการสอบไล่วัดคะแนนความรู้ ซึ่งนักศึกษาจะต้องเดินทางมาสอบด้วยตนเองที่สนามสอบที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ โดยเมื่อจบหลักสูตรก็จะได้รับใบรับรองการศึกษาจากทางกระทรวงศึกษาธิการ เหมือนดังเช่นการจบหลักสูตรตามปกติ เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ หรือศึกษาต่อในระดับถัดไป
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครเรียนได้ผ่านทาง www.auplus.au.edu โดยจะเสียค่าลงทะเบียนเรียนรวมเป็นเงินทั้งหมด 170,000 บาทตลอดหลักสูตร ซี่งผู้เรียนจะได้รับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัท สามารถคอร์เปอเรชั่น ที่มีความเร็ว 1 เมกกะบิตไว้ใช้สำหรับเล่าเรียนและใช้บริการด้านอื่นๆได้ตามต้องการตลอดระยะเวลาเล่าเรียน โดยผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถเรียนหลักสูตรดังกล่าวได้นั้นจะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยที่รัฐบาลไทยให้การรับรอง
ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการที่ทางมหาวิทยาลัยได้เปิดสอนหลักสูตรดังกล่าวนั้น ได้การเตรียมการด้วยการสร้างอาคารศรีศักดิ์ จามรมานสถานเทคโนโลยีสารสนเทศ สูง 11 ชั้นมีเนื้อที่ประมาณ 12,000 ตารางเมตรที่วิทยาเขตบางนา เพื่อเป็นวิทยาลัยที่รองรับการศึกษาทางไกลดังกล่าว และใช้เป็นสนามในการสอบไล่รวมถึงเป็นสถานที่พบปะระหว่างอาจารย์กับผู้เรียนได้อีกด้วย โดยใช้งบประมาณในการลงทุนไปกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปีจะมีผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนกว่า 1 แสนคน
ทั้งนี้หลังจากที่เปิดหลักสูตรด้านการบริหารจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็จะเปิดหลักสูตรเพิ่มเติมอีก 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรปริญญาโทด้านคอมพิวเตอร์ และหลักสูตรวิทยาการศึกษาทางอินเตอร์เน็ต เพื่อให้สามารถตอบรับความต้องการของผู้เรียนได้ครอบคลุมทุกความสนใจมากยิ่งขึ้น ขณะที่แนวโน้มการเติบโตด้านการการศึกษาดังกล่าว เชื่อว่าหลังจากที่มีการเปิดสอนออกไป ทุกสถาบันจะหันมาให้ความสำคัญกับการสอนทางออนไลน์ และเกิดการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อแย่งชิงนักศึกษา โดยประโยชน์ก็จะเป็นของผู้บริโภคซึ่งจะมีทางเลือกในการศึกษาเล่าเรียนโดยไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้น
ด้านนายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมทั้งสองด้านจึงได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างกัน โดยบมจ.สามารถ เทลคอม ซึ่งเป็นบริษัทลูกจะทำหน้าที่ในการวางระบบ ขณะที่ทางม. เอแบค มีความพร้อมทางด้านวิชาการ คาดว่าในเบื้องต้นจะสามารถทำรายได้ประมาณ 10 ล้านบาท
"ในอนาคตการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์จะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีคนใช้บริการเป็นลำดับ และ เชื่อว่าภายในไม่อีกกี่ปีระบบการเรียนการสอนแบบใหม่จะได้ตอบรับเพิ่มมากขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ระบบการเรียนการสอนแบบอี-เลิร์นนิ่ง สอดคล้องกับนโยบายของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับได้เปิดเผยในรายการ "นายกทักษิณคุยกับประชาชน" เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่าหลังจากไปเยี่ยม บริษัท หัวเหว่ย ที่สาธารณประชาธิปไตยประชาชนจีน ที่เมืองเซิ่นเจิ้น ปรากฏว่า หัวเหว่ย ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในระบบการเรียนการสอน เป็นระบบที่ข้อมูลเสียงและภาพอยู่ด้วยกัน ผ่านกล่องเดียวกันเป็นแนวที่โทรคมนาคมกับโทรทัศน์มารวมเป็นหนึ่ง พอผมดูอย่างนี้แล้วผมบอกว่ากลับมาปฏิรูปการศึกษาจะง่ายขึ้นอีกมาก เพราะว่าถ้าเราจะมานั่งพัฒนาครูรุ่นใหม่ให้เข้าไปสอน ต้องใช้เวลา
"แม่พิมพ์วันนี้ของเรายังอยู่ในแม่พิมพ์ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนมาก ดังนั้นผมคิดว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะช่วยให้การสอนดีขึ้น ฉะนั้นผมคิดว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะช่วยให้การสอนดีขึ้น ผมบอกกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ไปแล้วว่า ไปเลือกครูมาทำการเรียนการสอน"
| |