[ขอกำชับว่า อย่าคิดว่าเรื่องที่ผมเขียนนี้เป็นเรื่องจริง .. เป็นเพียงนิยายการเมือง เท่านั้น] [และต้องการสื่อให้รู้ว่า ในบรรดาผู้ที่ถูกแขวน .. มีอยู่หลายคนที่ไม่ได้ซื้อเสียง]
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งเวียนมาบรรจบครบ 50 ปี ในวันที่ 10 ธันวาคม 2541 ได้ประกาศว่า "มนุษย์เราเกิดมามีเสรี มีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกัน และพึงปฏิบัติต่อกัน ด้วยความเอื้ออาทร…… ทุกคนมีสิทธิในชีวิต มีเสรีภาพ…… มีสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อันจำเป็นต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการพัฒนาตนเองอย่างอิสระ" รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง" และในมาตรา 26 ว่า "การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้" บทบัญญัติข้างต้นเป็นเรื่องนิตินัย หรือสิ่งที่ควรจะเป็น ทำอย่างไรจึงจะให้เกิดพฤตินัย หรือสิ่งที่เป็นจริงขึ้นมาด้วย คำตอบคงอยู่ตรงที่ว่า - ประชาชนต้องพึ่งตนเอง เริ่มจากความเชื่อมั่นและศรัทธาในมนุษย์ - ประชาชนต้องพึ่งกันเอง เริ่มจากความเอื้ออาทรและความสามารถในการรวมกลุ่ม - ประชาชนต้องพึ่งหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมและการจัดสรรทรัพยากร - ประชาชนต้องสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ โดยผ่านองค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติที่สำคัญเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของบุคคล สิทธิและหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และรัฐ แต่บุคคลในฐานะปัจเจกชนย่อมไม่อาจคานดุลกับรัฐที่เป็นองค์กรจัดตั้งอันเข้มแข็งได้ บุคคลจึงมีการรวมกลุ่มกัน เป็นองค์กรที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐ หรือที่รัฐธรรมนูญใช้ศัพท์ว่าองค์การเอกชน ประชาชนจะมีส่วนร่วมในกิจการต่าง ๆ เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการพัฒนาตนเองอย่างอิสระได้ ย่อมต้องอาศัยการรวมกลุ่มกันเป็นองค์การเอกชน
- ผมขอจำลองสถานการณ์ขึ้นก่อนนะครับว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดหนึ่ง ขอให้ชื่อชุดว่า คณะกรรมการสรรหา เพื่อที่จะสรรหา สมาชิกวุฒิสภา เข้ามาให้คำปรึกษารัฐบาล แต่มีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านี้ต้องสะอาด ไม่ซื้อเสียง ไม่ใช้เงิน เป็นคนดี มีความรู้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ที่จะให้ประชาชน มีสิทธิ์เลือกคนดี ไม่ใช้คนที่เป็นที่นิยม เหมือนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ที่สนใจเฉพาะความเป็นคนยอดนิยม เขามาเป็นตัวแทนของประชาชน แต่สมาชิกวุฒิสภา เป็นเสมือนผ้าขาว ที่เป็นตัวแทนของประชาชน ในด้านของสมอง เข้ามาตรวจสอบการทำงาน โดยใช้ความรู้และสติปัญญาเป็นหลัก และที่สำคัญต้องเป็นคนดี ทำเพื่อประชาชน และประเทศชาติ นั่นคือความตั้งใจของผม .. เป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมมาก - ในโอกาสนี้ก็มีคน ๆ หนึ่ง ชื่อนายสันติ เห็นว่าตนเองเป็นคนดี มีความสามารถ จบก็สูง เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในจังหวัด ชาติตะกูลก็ดี ครอบครัวก็เยี่ยม ฐานะก็ดีมาก และที่สำคัญรักที่จะทำงานเพื่อสังคม ส่วนรวม และจังหวัดอันเป็นที่รัก พี่น้องของนายสันติ ก็มีหน้าที่การงานที่ดี มีตำแหน่งสูง ในหลายองค์กรของจังหวัดน ทุกคนต่างให้การสนับสนุน ทำให้นายสันติตัดสินใจลงสมัคร โดยมีปฏิทานว่า จะไม่ใช้เงินซื้อเสียงเป็นอันขาด ผู้คนที่รัก หรือบุคลากรในองค์กรที่ท่านทำงานอยู่ ต่างก็ส่งเสริม และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะองค์กรที่ท่านทำงานอยู่ ก็เสมือนองค์กรการกุศลองค์กรหนึ่ง อยู่ได้ด้วยเงินบริจาค และสร้างผลงาน เพื่อประเทศชาติมานักต่อนัก - แต่ เหตุการณ์ไม่คาดฝันหลังเลือกตั้ง ได้เกิดขึ้น คน ๆ หนึ่งที่ไม่เคยคิดใช้เงินซื้อเสียง ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เป็นชัยชนะของคนทั้งจังหวัด ของคนมีการศึกษา ของคนที่มีอุดมการณ์ ความภาคภูมิใจของคนทั้งจังหวัด มีอันต้องแตกสลายไป หลังจากคณะกรรมการสรรหา ประกาศ ให้แขวนนายสันติ โดยมีเหตุผลมากมายที่ได้มาจากการร้องเรียน ของผู้ที่ไม่ต้องการให้นายสันติได้รับเลือก ในเหตุผลเหล่านั้น ไม่มีแม้ข้อเดียวที่จะกล่าวว่าเขาซื้อเสียง ทุกคนเหนื่อยใจ หลายคนไม่เข้าใจ รวมทั้งนายสันติ ว่าทำไมจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ - การเลือกตั้งครั้งแรก ถูกแขวนก็ไม่เป็นไร ทางคณะกรรมการสรรหา ยังเปิดโอกาสให้พิสูจน์ตัวเอง ถ้าถูกแขวนแล้ว ไม่ดีจริง ย่อมไม่ได้รับเลือกตั้งอีกแน่ นายสันติ ตัดสินใจสู้อีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ตนเอง เพราะเชื่อว่า ทำดีย่อมได้ดี ในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จ เขาได้รับเลือกอีกครั้ง ด้วยคะแนนที่ไม่ต่างไปจากเดิมนัก แต่ในครั้งนี้ คณะกรรมการสรรหา กลับประกาศสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกครั้ง (นี่ถ้าผมเป็นเขา คงแทบล้มทั้งยืน เพราะถูกกล่าวหาว่าทำผิด แต่ไม่มีโอกาสที่จะพิสูจน์ตนเอง ให้กระจ่าง แม้แต่น้อย แค่เรียกไปฟังข้อกล่าวหาเท่านั้น พอตอบไปก็ถูกเรียกว่า แก้ตัว) เขาแขวนนายสันติ และตัดสิทธิ์ การลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งที่ 3 .. นี่หละครับ ชีวิต ดั่งนิยาย .. เหมือนภาพยนต์เรื่องหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ความจริงที่โหดร้าย
- นายสันติ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่เป็นผล .. และนี่ก็เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก็แปลกใจว่า จากการที่ถูกแขวนไปแล้วหนึ่งครั้ง นายสันติย่อมรู้ และระวังตัวมากขึ้น (ผมจึงไม่แน่ใจว่า หลักฐานเหล่านั้น คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร .. หรือใครสร้างขึ้นมา)
- จากการที่คน ๆ หนึ่งถูกแขวน และตัดสิทธิ์ จากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่ได้รับข่าวสาร จากกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง และไม่ได้เปิดให้พิสูจน์ตนเองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะคน ๆ นั้นเป็นที่รัก และได้รับความนับถือของคนในจังหวัด จึงทำให้เกิดแรงผลักดัน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม .. ความเป็นธรรม นี่คือตัวปัญหาครับ - เมื่อนักกฏหมายมาพิจารณาอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา ก็พบว่า พวกเขาใช้อำนาจเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด คือตัดสิทธิ์คนโดยไม่ต้องไต่สวนอย่างจริงจัง เพียงแต่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ไปหาข้อมูล ก็ตัดสินได้แล้ว การเรียกมาให้ถ้อยคำ กลายเป็นการเรียกมาให้ข้อมูล บางอย่างเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้เป็นหลักประกัน ให้เกิดความยุติธรรมขึ้น 100% - ดังนั้นนายสันติ จึงยื่นฟ้องต่อศาล และศาลก็รับฟ้อง เพราะมีเหตุผล และองค์ประกอบของรูปคดีที่สมบูรณ์ จนทำให้เกิดการพิจารณาอำนาจของคณะกรรมการใหม่ ในที่สุดทางคณะกรรมการก็ไม่มีอำนาจถอนสิทธิ์ของ ผู้ได้รับเลือกตั้ง แต่นั่นก็สายไปแล้ว เพราะกระบวนการต่าง ๆ ได้เสร็จสิ้นลง - ถึงทุกวันนี้ คณะกรรมการสรรหาก็ยังไม่ได้ฟ้องผู้ที่ถูกแขวน 100 กว่าคน เพราะว่าผมคิดว่า หลักฐานเหล่านั้นไม่มีน้ำหนักพอ ที่จะฟ้องได้ แต่เขาบอกว่าหลักฐานเหล่านั้น มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อได้ว่าผู้ถูกแขวน ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฏ-กติกา - บางท่านที่เคยดูภาพยนต์อาจเคยได้ยินเรื่องที่ศาลตัดสินประหารชีวิตคน ๆ หนึ่ง ต่อมาญาติของเขา ได้ต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ จนศาลต้องตัดสินใหม่ว่า คนที่ถูกประหารไปนั้นไม่ผิด แต่นั้นก็ไม่ช่วยให้ทุกอย่างกลับคืนมา .. นี่ก็คือ ความจริงที่โหดร้าย เรื่องหนึ่งเท่านั้น
| ||||||
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือน .. แล้วเข้ามาใหม่นะครับ .. ยินดีต้อนรับเสมอ |